เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ณ ห้องแถลงข่าว อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง ผู้บริหารกอง/กลุ่ม/ศูนย์ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ พร้อมด้วยเครือข่าย STRONG องค์กรพอเพียงต้านทุจริต ร่วมประกาศเจตนารมณ์ต้านทุจริต สป.อว. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรโปร่งใส ไร้ทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จัดโดย ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

นายสุทิน เชยชม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ ปฏิบัติหน้าที่รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าววัตถุประสงค์และความสำคัญในการจัดกิจกรรมฯ ได้แก่ (1) เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย No Gift Policy ด้วยการปลุกจิตสำนึกและสร้างวัฒนธรรมการไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (2) เพื่อเสริมสร้างความรู้ กฎระเบียบและบทลงโทษ กรณีทุจริตต่อราชการหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ (3) เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากบุคลากรทุกระดับในการแสดงพลังและเจตนารมณ์ “สป.อว. ไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ” โดยมีเป้าหมายร่วมกันให้ สป.อว. ปลอดข้อร้องเรียนทุจริตและประพฤติมิชอบ มีการปฏิบัติงานและบริหารราชการตามหลักธรรมาภิบาล และการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้

ช่วงเช้า เป็นการอภิปราย บทบาทและหน้าที่ของ สำนักงาน ป.ป.ท. ตัวอย่างคดีประพฤติมิชอบในภาครัฐ สถิติ การรับข้อร้องเรียนคดีประพฤติมิชอบ ความรับผิดการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ และบทลงโทษ โดย นางจิรวดี จินดาพล นิติกรชำนาญการ และนางสาวภัคพิชา ชอบธรรม นิติกรชำนาญการ กองกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ท.
และช่วงบ่าย เป็นการอภิปรายผลการดำเนินงานด้านการขับเคลื่อนคุณธรรมและความโปร่งใสของ สป.อว. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ผ่านการมีส่วนร่วมจาก กอง/กลุ่ม/ศูนย์ และกลไก STRONG องค์กรพอเพียง ต้านทุจริต โดย ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต และการรับฟังข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ เกี่ยวกับแผนดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การบูรณาการการทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมายและมีผลเป็นรูปธรรมต่อไป

เมื่อวันที่ 4 – 5 กันยายน 2568 ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การติดตามผลและรับฟังความคิดเห็นต่อเครื่องมือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA) ของหน่วยงานภาครัฐ ประเภทสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อ (ร่าง) กรอบแนวทางการพัฒนาเครื่องมือประเมิน ITA ของ สำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมายมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา นักวิชาการ นักวิจัยและผู้รับผิดชอบงานด้านการประเมิน TA ของสถาบันอุดมศึกษา รวม 28 แห่ง เข้าร่วมฯ

นายสุทิน เชยชม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ ปฏิบัติหน้าที่รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้าน การทุจริต กล่าวว่า สถาบันอุดมศึกษามีบทบาทและเป็นกลไกสำคัญในการบรรลุค่าเป้าหมาย ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น (21) การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย ทิศทาง และการดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษาในด้านการพัฒนาคุณธรรมและความโปร่งใส และธรรมาภิบาล ตามแนวทางการประเมิน ITA ของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดกิจกรรมยกระดับผลการประเมิน ITA จำนวนทั้งสิ้น 6 ครั้ง ประกอบด้วย การชี้แจงแนวทางการประเมิน ITA ประจำปี การให้คำปรึกษาการประเมิน ITA รายเครื่องมือ หรือ MHESI ITA Clinic จำนวน 4 ครั้ง และการติดตามผลการประเมิน ITA ประจำปี และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต จะร่วมกับสำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส สำนักงาน ป.ป.ช. ในการยกระดับผลการประเมิน ITA ให้บรรลุค่าเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ หรือ สถาบันอุดมศึกษา ภายใต้กลไกการกำกับติดตามของ กระทรวง อว. (MHESI ITA) ผ่านเกณฑ์ ประเมิน 89 คะแนน ทั้ง 87 แห่ง ด้วยการให้คำแนะนำ คำปรึกษาแก่สถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานในกำกับกระทรวง อว. อย่างใกล้ชิดต่อไป

การประชุมดังกล่าว ประกอบด้วย การอภิปรายผลการประเมิน ITA ของสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และแนวทางการยกระดับผลการประเมิน ITA ของสถาบันอุดมศึกษาที่ไม่ผ่านการประเมิน โดยนางบุปผา โพธิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารสารสนเทศและประมวลผลผู้บริหาร สำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส และนายกฤติชัย พรมวัน รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มให้คำปรึกษาเคลื่อนที่ สำนักพัฒนาและส่งเสริมธรรมาภิบาล สำนักงาน ป.ป.ช. และการประชุมเชิงปฏิบัติการกลุ่มย่อย ระดมความคิดเห็น ต่อ (ร่าง) กรอบการพัฒนาเครื่องมือ ITA โดยคณะวิทยากร สำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส สำนักงาน ป.ป.ช. นำโดย นายพงษ์พันธ์ โตสกุลไกร เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ นายภิญโญยศ ม่วงสมมุข เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ และนายวิน จิตรไกรสร เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการ โดย สำนักงาน ป.ป.ช. จะนำผลจากการประชุมฯ ไปพัฒนา (ร่าง) กรอบการพัฒนาเครื่องมือ ITA ร่วมกับกลุ่มคลัสเตอร์อื่นๆ ทดลองการใช้เครื่องมือประเมิน และบังคับใช้ในห้วงเวลาต่อไป

 
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุมพันเอกอาทร ชนเห็นชอบ 1 ชั้น 6 อาคารอุดมศึกษา 1 สำนักงานปลัดกระทรวง ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ได้จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ผลการขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ตามแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment - ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากร สป.อว. เกี่ยวกับผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใส แนวทางการประเมินแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (Internal Integrity and Transparency Assessment - IIT) ตลอดจนเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้บรรลุผลตามเกณฑ์การประเมิน ITA และเป้าหมายในภาพรวมของ สป.อว.

กำหนดการประกอบด้วย การบรรยาย ตอบข้อซักถาม และรับฟังข้อเสนอแนะ โดยผู้แทนจาก ศปท.อว. ซึ่งมีบุคลากรจาก กอง/กลุ่ม/ศูนย์ สป.อว. และสำนักงานรัฐมนตรี (สร.อว.) เข้าร่วม จำนวนกว่า 125 คน